วันศุกร์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2552

วลาดิมีร์ ปูติน By:moonfleet








http://marcvallee.files.wordpress.com/2007/12/platon_putin1.jpg
http://charlie180.files.wordpress.com/2008/08/putin.png

1. ชีวประวัติของ วลาดิมีร์ ปูติน

วลา ดิมีร์ ปูติน (รัสเซีย: Владимир Владимирович Путин ; Vladimir Vladimirovich Putin) เป็นประธานาธิบดีคนปัจจุบันของสหพันธรัฐรัสเซีย

เกิด วันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2495 (ค.ศ. 1952) ที่เมืองเลนินกราด (ปัจจุบันคือเมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก) และสืบทอดตำแหน่งประธานาธิบดีจากบอริส เยลต์ซินเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2542 (ค.ศ. 1999)

ได้รับการเลือกตั้งครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2547


2. ชื่อวลาดิมีร์ ปูติน มีความหมายอย่างไร



http://www.huntersmark.com/_Media/putin_large.jpeg

วลา ดิมีร์ หรือที่เขียนว่า Владимир (ขอย้ำ อ่านว่า วลาดิมีร์) มาจากคำ 2 คำ คือ Власть อ่านว่า วลาสต์ ที่แปลว่า “อำนาจ” กับคำว่า Мир อ่านว่า “มีร์” ซึ่งมี 2 ความหมาย คือ ”โลก” และ "สันติภาพ" แต่ในที่นี้น่าจะหมายถึง "โลก" มากกว่า คำว่า Владимир จึงแปลได้ว่า “ผู้ครองโลก”

ส่วนคำว่า“ปูติน” มาจากคำว่า Путь อ่านว่า ปุต แปลว่า “ทาง เส้นทาง ทางเดิน” ซึ่งหากเติม ин หรือ อิน ต่อท้ายคำนาม คำนั้นก็จะหมายถึงคนที่เกี่ยวข้องกับคำนามนั้นๆ คำว่า “ปูติน” จึงแปลว่า “คนเดินทาง”

http://dekerivers.files.wordpress.com/2007/12/putin.jpg

3. ไทม์ยก‘วลาดิมีร์ปูติน’บุคคลแห่งปี2007


วอชิงตัน (รอยเตอร์ส) — ปูติน ขึ้นแท่นบุคคลแห่งปี 2007 ไทม์ ระบุชัด ไม่ใช่คนดี แต่เป็นคนที่รัสเซียรัก

ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ผงาดขึ้นแท่น “บุคคลแห่งปี” ประจำปี 2007 โดยนิตยสารชื่อดังของโลกอย่างไทม์ ในฐานะที่เป็นผู้นำรัสเซียซึ่งสามารถนำประเทศ กลับคืนสู่ความเป็นมหาอำนาจของโลกได้อีกครั้ง


ปูติน ซึ่งเป็นอดีตสายลับเคจีบี สมัยอดีตสหภาพโซเวียต และ เป็นทายาททางการเมืองของอดีตประธานาธิบดี บอริส เยลต์ซิน จะได้รับการขึ้นหน้าปกนิตยสารไทม์ อย่างทรงเกียรติ ในฐานะเป็นบุคคลที่นำมาซึ่งผลกระทบต่อโลกมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นในทางบวก หรือลบ


“เขาไม่ใช่คนดี แต่เขาได้ทำ ในสิ่งที่สุดเหลือเชื่อ” ริชาร์ด สเตรเกล บรรณาธิการบริหารของไทม์ กล่าวในรายการ ทูเดย์โชว์ ทางสถานีโทรทัศน์เอ็นบีซี


“เขาคือพระเจ้าซาร์คนใหม่ของรัสเซีย และเป็นบุคคลอันตราย ในแง่ที่ว่า เขาไม่เคยสนใจในเสรีภาพของพลเรือน ไม่สนใจในการให้เสรีภาพในการพูด เขาสนใจแต่เรื่องความมั่นคง และความมั่นคงก็คือ สิ่งที่รัสเซียต้องการ และนั่นคือเหตุผลว่า ทำไมชาวรัสเซียถึงรักเขา” สเตรเกล กล่าว

http://www.bfs-zh.ch/Bilder/Putin%201.jpg
การประกาศผลครั้งนี้ มีขึ้น เพียงไม่กี่วันหลังจากที่ ปูติน ได้ประกาศชัดเจนว่า เจ้าตัวพร้อมที่จะนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี หาก ดิมิทรี เมดเวเดฟ พันธมิตรใกล้ชิดของเขา สามารถชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปีหน้า


บุคคล สำคัญของโลกคนอื่นๆ ที่ได้รับการพิจารณาเป็นบุคคลแห่งปีโดยไทม์ ในปีนี้ ยังรวมถึงอดีตรองประธานาธิบดี อัล กอร์, เจ.เค. โรว์ลิ่ง ผู้ประพันธ์วรรณกรรมเด็กแฮร์รี่ พอตเตอร์, ประธานาธิบดี หูจิ่นเทา แห่งจีน และ พล.อ.เดวิด เปตรัส ผู้บัญชาการกองทัพสหรัฐ ในอิรัก

http://4entrepreneur.net/wp-content/uploads/2008/08/putin_0215.jpg



4. วลาดิมีร์ ปูติน สนใจเรื่องสายลับมาตั้งแต่เด็ก

วลา ดิมีร์ ปูติน สนใจเรื่องสายลับมาตั้งแต่เด็ก ชอบดูหนังเกียวกับสายลับเป็นพิเศษ จึงเข้าเรียนโรงเรียนผลิตตำรวจและข้าราชการและเข้าเรียนต่อมหาวิทยาลัยเลนิ นการ์ด สเตต ยูนิเวอร์ซิตี้ จากนั้นเข้าทำงานเป็นสายลับที่สำนักข่าวกรองเคจีบีของอดีตสหภาพโซเวียต เป็นเคจีบีเป็นเวลานาน 17 ปี เคยถูกส่งไปประจำการอยู่ในอดีตเยอรมนีตะวันออก หนึ่งในงานที่รับผิดชอบคือติดตามบุคคลที่ต้องสงสัยว่ามีแนวความคิดนิยมตะวัน ตก ช่วงปี 2533 เดินทางกลับรัสเซียและทำงานในมหาวิทยาลัยเลนินการ์ดพร้อมกับการเป็นเคจีบี

เส้น ทางการเมืองเริ่มด้วยการเข้าไปร่วมงานกับ นายอานาโตลี ซอบแชก นายกเทศมนตรีเซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก 3 ปีต่อมาก้าวขึ้นมาเป็นผู้ช่วยนายกเทศมนตรีเซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก เมื่อซอบแชกแพ้เลือกตั้ง ปูตินตัดสินใจไปร่วมงานกับประธานาธิบดี บอริส เยลต์ซิน ของรัสเซียที่พระราชวังเครมลินโดยดำรงตำแหน่งผู้ช่วยบริหารเครมลิน ในปี 2541 ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าสำนักงานข่าวกรอง ภายใน 1 ปีถัดมาเป็นหัวหน้าคณะกรรมการความมั่นคงแห่งชาติ ในช่วงเวลานั้นเยลต์ซินสุขภาพร่างกายไม่ค่อยดีนัก ซึ่งช่วงเวลานั้นเยลต์ซินแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี 5 คนภายใน 17 เดือน โดยคนหลังสุดคือปูติน เมื่อปูตินได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ผู้นำทั่วโลกถามว่าใครเป็นปูติน มาจากไหน

http://arkahar.files.wordpress.com/2007/07/putin.jpg

5. รัสเซียกำหนดวันจัดการเลือกตั้งประธานาธิบดี

วันที่ 26 พฤศจิกายน คณะกรรมการสหพันธ์รัสเซียมีมติว่า จะจัดการเลือกตั้งประธานาธิบดีรัสเซียในวันที่ 2 มีนาคม ปี 2008

วัน เดียวกัน นายวลาดิมีร์ ชูรอฟ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้งกลางสหพันธ์รัสเซียประกาศว่า ในระหว่างวันที่ 2-29 กุมภาพันธ์ ปี 2008 เป็นช่วงสื่อมวลชนประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการเกือกตั้งประธานาธิบดีรัสเซีย เขายืนยันว่า การยื่นเอกสารลงทะเบียนสมัครรับการเลือกตั้งประธานาธิบดีต่อคณะกรรมการการ เลือกตั้งกลางจะเริ่มในเดือนธันวาคมปีนี้ แต่ตามข้อกำหนดที่เกี่ยวข้อง ผู้สมัครรับการเลือกตั้งประธานาธิบดีต้องได้รับการเสนอชื่อโดยคณะที่ประกอบ ด้วยสมาชิกไม่น้อยกว่า 500 คน และต้องแจ้งเวลาจัดการประชุมเสนอชื่อให้คณะกรรมการการเลือกตั้งกลางทราบล่วง หน้าอย่างน้อย 5 วัน

วันที่ 17 มีนาคม ปี 1991 รัสเซียลงประชามติ่ว่าจะจัดตั้งตำแหน่งประธานาธิบดี เดือนมิถุนายนปีเดียวกัน นายเบอร์ริส เยลซินได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีรัสเซียสมัยแรก วันที่ 26 มีนาคม ปี 2000 นายวลาดิมีร์ ปูตินดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีรัสเซีย และต่ออีกสมัยหนึ่งเมื่อวันที่ 14 มีนาคม ปี 2004 ตามรัฐธรรมนูญ ผลเมืองวัย 35 ปีขึ้นไปที่อาศัยอยู่ในรัสเซียเกิน 10 ปีมีสิทธิ์ที่เข้าร่วมการเลือกตั้งประธานาธิบดีรัสเซีย ตำแหน่งนี้มีวาระ 4 ปี แต่ไม่สามารถดำรงตำแหน่งนี้ต่อเนื่องกันสองครั้ง

นายวลาดิมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซียสมัยปัจจุบันจะครบวาระในเดือนมีนาคม ปี 2008 วันเลือกตั้งประธานาธิบดีรัสเซียใกล้เข้ามาทุกที ใครจะเป็นผู้รับตำแหน่งนี้ต่อกลายเป็นเรื่องที่ดึงดูดความสนใจอย่างมาก วันที่ 12 กันยายน ปีนี้ นายปูตินเสนอชื่อนายวิคตอร์ ซุบคอฟ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานควบคุมดูแลการเงินสหพันธ์รัสเซียเป็นนายกรัฐมนตรี รัสเซียคนต่อไป ต่อจากนั้นไม่นาน นายปูตินกล่าวอย่างเปิดเผยว่า ในเดือนมีนาคม ปี2008 ผู้ที่จะดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีจะมีอย่างน้อยจะมี 5 คน แต่นอกจากนายซุบคอฟแล้ว นายปูตินไม่ได้บอกว่าอีก 4 คนมีใครบ้าง นักวิเคราะห์การเมืองของรัสเซียเห็นว่า อีก 4 คนนั้นจะรวมถึง นายเซอร์เก อีวานอฟ รองนายกรัฐมนตรีคนที่หนึ่ง นายดมีตรี เมตเวเชฟ รองนายกรัฐมนตรีคนที่หนึ่ง นายวลาดิมีร์ จาคูนีน ประธานกรรมการของบริษัทการรถไฟแห่งชาติ และนายเซอร์เก นาเรซิคีน รองนายกรัฐมนตรีรัสเซีย

ส่วนในกลุ่มที่คัดค้านนายปูติน มีบุคคลสำคัญ 4 คนประกาศจะเข้าร่วมการเลือกตั้งทั่วไปในปี 2008 ได้แก่นายเกนนาดี ซูกานอฟ ผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์รัสเซียซึ่งเป็นพรรคฝ่ายซ้าย นายวลาดิมีร์ ซีรีนอฟสคี ผู้นำพรรคเสรีประชาธิปไตยซึ่งเป็นพรรคฝ่ายขวา นายมิคฮาอิล คาซยานอฟ อดีตนายกรัฐมนตรี และนายวิคตอร์ เกราเซียนโค อดีตผู้ว่าการธนาคารกลาง

ปัจจุบัน ยังยากที่จะคาดคะเนสถานการณ์การเมืองของรัสเซีย หนังสือพิมพ์เวดอมอซตีของรัสเซียรายงานเมื่อเร็วๆนี้ว่า การหยั่งประชามติเกี่ยวกับความพอใจต่อการทำงานของประธานาธิบดี นายกรัฐมนตรี และรองนายกรัฐมนตรี นายปูตินยังคงได้รับการสนับสนุนมากที่สุด ประชาชนรัสเซีย 84% สนับสนุนนายปูติน ส่วนอัตราการสนับสนุนนายซูบคอฟ นายเมดเวเชฟ และนายอีวานอฟเป็น 59% 63% และ64%





6.''ปูติน'' ช็อคโลก ประกาศอาจเป็นนายกฯรัสเซีย

ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซีย ประกาศว่าอาจขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีหลังการเลือกตั้งทั่วไปปลายปีนี้ ขณะที่ทำเนียบขาวระบุว่าเป็นเรื่องภายในของรัสเซีย

นางดาน่า เฟริโน่ โฆษกหญิงของทำเนียบขาว แถลงเมื่อวันจันทร์ว่า การที่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซีย อาจขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีในอนาคต เป็นเรื่องภายในของชาวรัสเซีย แต่สหรัฐฯจะจับตาดูอย่างใกล้ชิด ต่อการเลือกตั้งสมาชิกสภาดูมาของรัสเซียใน 2 ธันวาคมที่จะถึงนี้ พร้อมคาดหวังว่าจะเป็นการเลือกตั้งแบบประชาธิปไตยที่เป็นอิสระและยุติธรรม

ก่อน หน้านี้ ประธานาธิบดีปูตินได้สร้างความตื่นตะลึงไปทั่วโลกโดยกล่าวต่อที่ประชุมใหญ่ ของพรรคสหรัสเซียของเขาเมื่อวันจันทร์ว่า เขาอยู่ในรายชื่อแรกของพรรคฯสำหรับผู้สมัครชิงสมาชิกสภาดูมา และเขาอาจขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งมองกันว่าอาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงรูปแบบการปกครองในรัสเซียจาก ประธานาธิบดีเป็นนายกรัฐมนตรี

ประธานาธิบดีปูตินกล่าวต่อที่ประชุม ว่า การได้เป็นผู้นำรัฐบาลเป็นความคิดที่จริงจังมาก แต่มีเงื่อนไข 2 ข้อ คือหากพรรคฯได้เสียงข้างมากในการเลือกตั้ง ซึ่งโพลล์หลายเจ้าเชื่อว่าเป็นไปได้แน่ๆ และหากมีผู้ที่เหมาะสมได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีคนใหม่ในเดือนมีนาคมปี หน้า

แล้วนับเป็นคำประกาศที่สร้างความตกตะลึงให้นักวิเคราะห์การ เมืองทั่วโลก และมีขึ้นหลังคาดการณ์กันมาหลายปีว่า ประธานาธิบดีปูตินผู้ยังมีคะแนนนิยมสูงกว่าร้อยละ 80 จะไปทำอะไรต่อ หลังหมดวาระสมัยสองในปีหน้า เพราะรัฐธรรมนูญห้ามดำรงตำแหน่งเกิน 2 สมัยติดกัน

มีรายงานด้วยว่าประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิ้ลยู บุช ได้ทราบเรื่องนี้ หลังกลับจากพิธีต้อนรับที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ สำหรับประธานเสนาธิการทหารร่วมสหรัฐฯคนใหม่ คือพลเรือเอกไมเคิล มุลเลน




7. พญาอินทรีชื่อ วลาดิมีร์ ปูติน

นอก จากสหรัฐอเมริกา จะถูกเรียกขานว่าพญาอินทรี และเยอรมนี มีอินทรีเหล็กเป็นตราสัญลักษณ์แล้ว ยังมีอินทรีอีกตัวหนึ่งที่เกรียงไกรไม่แพ้กัน นั่นคือ อินทรีสองหัว ‘รัสเซีย’ ที่คนส่วนใหญ่จะรู้จักกันในชื่อ หมีขาว


ว่ากันว่า หัวข้างหนึ่งของอินทรีหันไปทางตะวันออก ส่วนอีกข้างหนึ่งหันไปหาตะวันตก หมายถึงความยิ่งใหญ่ของสหภาพโซเวียตในอดีต ที่มีดินแดนกินลึกเข้าไปทั้งในเอเชียและยุโรป แต่ความภูมิใจของชาวรัสเซียต้องสูญสลายไป พร้อมๆ กับการล่มสลายของสหภาพโซเวียต ประเทศที่เคยต้านทานกำลังพล 6 แสนนาย ของจักรพรรดินโปเลียน จนถอยร่นเหลือกลับบ้านไม่ถึงสองหมื่น เมื่อ ค.ศ.1812 และเอาชนะกองทัพนาซีเยอรมันในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 แม้ว่าจะต้องสังเวยด้วยชีวิตทหารไปเป็นจำนวนมากก็ตาม

คนที่เติบโตมา กับความยิ่งใหญ่ของชาติ แม้ว่าจะมีชีวิตอยู่อย่างลำเค็ญ แต่เมื่อเห็นชาติล่มไปต่อหน้าต่อตา แถมอนาคตยังแขวนอยู่บนเส้นด้าย เพราะจู่ๆ ต้องตกงานกะทันหัน ย่อมรับไม่ได้เป็นธรรมดา และคนประเภทที่ว่าก็คือ วลาดิมีร์ ปูติน ผู้ปักใจเชื่อว่า ผู้ที่รับผิดชอบเต็มๆ ต่อการล่มสลายของสหภาพโซเวียต คือ สหรัฐอเมริกา ดังนั้น จึงไม่แปลกอะไรที่ความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียกับสหรัฐฯ ในยุคปูติน กับ จอร์จ ดับเบิลยู บุช จึงได้หมางเมินเย็นชา ไม่ได้ พั น ธ มิ ต ร จ๋ า เ ห มื อ น ยุ ค บอริส เยลซิน กับ บิล คลินตัน การที่ปูตินได้ก้าวขึ้นเป็นผู้นำประเทศ ก็เหมือนกับการเปิดโอกาสให้เขาได้สะสางบัญชีแค้นที่สั่งสมมานานหลายปี

เชื่อ กันว่า ตอนที่เยลซินประกาศลาออก เพื่อให้ปูตินสืบทอดตำแหน่งประธานาธิบดีแทนเขานั้น ได้มีการทำข้อตกลงกันว่า ปูตินจะเก็บกวาดใคร ยังไงก็ช่าง ขอเพียงอย่าแตะต้องเขาและครอบครัว ด้วยบุคลิกของการเป็นคนซื่อสัตย์และจงรักภักดีต่อนาย ทำให้เยลซินเชื่อใจปูติน และเขาก็ไม่ผิดหวังเพราะปูตินไม่แตะต้องเขาและครอบครัว แต่คนรอบตัวถูกเก็บกวาดเรียบ โดยเฉพาะพวกฉกฉวยความร่ำรวยในยุคเยลซิน อย่างพวกออริการ์ช คนที่ได้ชื่อว่าเป็นมหาเศรษฐีที่มั่งคั่งที่สุดของประเทศ อย่าง มิคาอิล คาดาคอฟสกี้ ยังคงติดคุกอยู่จนทุกวันนี้ ส่วน โรมัน อับราโมวิช เจ้าของสโมสรเชลซีก็ทยอยขายหุ้น ขายบริษัทน้ำมันในรัสเซีย ลงหลักปักฐานในอังกฤษ และไม่พยายามสร้างความระคายเคืองให้ทำเนียบเครมลิน เพราะไม่อยากมีชะตากรรมเหมือนคาดาคอฟสกี้


การชำระบัญชีแค้นในประเทศ ทำให้ชาติตะวันตกบางชาติ ตำหนิเขาแรงๆ ว่ากำลังจะนำพารัสเซียย้อนกลับไปสู่ยุคมืด แต่ชาวรัสเซียกลับสนับสนุนการกระทำของเขา ดูได้จากคะแนนนิยมที่ไม่เคยตก แถมยังเรียกร้องให้แก้รัฐธรรมนูญเพื่อให้เขาได้ดำรงตำแหน่งต่อเป็นสมัยที่ 3 อีกด้วย ขณะที่ผู้นำชาติที่ตำหนิเขากลับมีคะแนนนิยมตกต่ำแบบกู่ไม่กลับ ส่วนบัญชีแค้นนอกประเทศ ก็คือการ ‘ขวาง’ มันทุกเรื่องที่สหรัฐฯ เสนอเข้าสู่คณะมนตรีความมั่นคง

ที่เห็นได้ชัดเจนคือ สงครามอิรัก รวมถึงเรื่องอิหร่านและเกาหลีเหนือ ที่รัสเซียค้านหัวชนฝาไม่ให้ใช้ไม้แข็งเข้าจัดการ และแสดงความไม่พอใจอย่างเปิดเผยที่องค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติก หรือ นาโต้ ที่มีสหรัฐฯ เป็นโต้โผใหญ่สยายปีกมาเก็บเกี่ยวเอาอดีตประเทศในเครือสหภาพโซเวียตไปเป็น สมาชิก เท่ากับเป็นการลิดรอนปีกหางของอินทรีรัสเซียไปเรื่อยๆ

ปูติ นยืนยันว่าจะไม่ให้มีการแก้รัฐธรรมนูญอย่างเด็ดขาด เพราะตัวเขาเองตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ยอมเป็นประธานาธิบดีเป็นสมัยที่ 3 นั่นเป็นเพราะปูตินได้วางรากฐานอันมั่นคงของตัวเองเอาไว้แล้ว เชื่อกันว่า เขาวางตัวทายาททางการเมืองที่จะสานต่อแนวคิดและนโยบายของเขาไว้แล้ว ส่วนตัวเขาเองก็คงจะนั่งบัญชาการอยู่หลังฉาก

ปูตินยังหนุ่มเกินกว่า ที่จะเป็นแค่เสี้ยนผุๆ ให้ใครมาบ่งทิ้งง่ายๆ โดยเฉพาะการชำระบัญชีแค้นกับสหรัฐฯ ที่มีส่วนทำให้เขาต้องเกือบกลายเป็นคนไร้อนาคตเพราะโซเวียตล่มสลาย ตอนที่เขายังเป็นเคจีบีอยู่ในเยอรมันตะวันออกและภารกิจถูกยกเลิก ทำให้เขาเคว้งคว้างไม่รู้จะทำยังไงต่อไป และเคยคิดว่าอาจต้องไปขับรถแท็กซี่ แต่ภายหลังคิดได้ว่าจะไปเป็นอาจารย์สอนหนังสือ ก็เลยตัดสินใจจะไปทำปริญญาเอกที่มหาวิทยาลัยเลนินกราด และจุดนั้นเองที่เป็นเส้นทางเริ่มต้นของเขาในปัจจุบัน

มีคำถามหนึ่ง ในหนังสือ The First Person ที่ถามปูตินว่า เขาอยากเป็นประธานาธิบดีหรือไม่เขาบอกว่า ตอนที่เริ่มทำงานในฐานะรักษาการประธานาธิบดี เขารู้สึกพึงพอใจไม่น้อยที่ได้ตัดสินใจเอง ทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นอยู่กับเขาซึ่งเป็นผู้ชี้ขาดคนสุดท้าย เขาคือผู้แบกรับความรับผิดชอบ และภูมิใจที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่รับผิดชอบต่อบ้านเมือง

เขาบอกด้วย ว่า “ผมตั้งกฎเกณฑ์สำหรับตัวเองไว้ หนึ่งในจำนวนนี้คือ การไม่เสียใจกับทุกสิ่ง ในเมื่อลงมือทำไปแล้วก็ต้องคิดว่ามันถูกต้องสมควรแล้ว ถ้ามัวแต่เสียใจและย้อนกลับไปหาอดีต ก็รังแต่จะจมปลักอยู่กับความผิดพลาดเหล่านั้น จริงอยู่ที่ว่าคนเราควรจะวิเคราะห์ความผิดพลาดในอดีต แต่เราควรจะเรียนรู้ที่จะทำให้มันถูกต้องสำหรับอนาคตข้างหน้าไม่ดีกว่าหรือ ผมเองก็เคยทำเรื่องงี่เง่ามาก่อน แล้วก็ทำให้ผมเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์”


8. ปูตินปลื้มหนังสงคราม

9 พฤศจิกายน 2548 กองบรรณาธิการ

ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ได้กล่าวยกย่องหนัง The 9th Company เรื่องราวของทหารผ่านศึกรัสเซียในสงครามอัฟกานิสถานยุค 1980 ว่าเป็นหนังที่ใกล้เคียงกับชีวิตจริงมากที่สุด


http://www.businessweek.com/magazine/content/03_45/art03_45/0345_60putin.jpg

หนัง เรื่องนี้ออกฉายในรัสเซียตั้งแต่เดือนกันยายน มีคนดูล้นหลาม โดย 5 วันแรก มีคนดูในรัสเซียและอดีตประเทศสหภาพโซเวียตมากถึง 2,138,074 คน ถึงตอนนี้หนังที่ลงทุนสร้าง 9 ล้านดอลลาร์ ทำเงินไปได้แล้ว 25.2 ล้านดอลลาร์

เมื่อวันจันทร์ ปูตินได้เชิญผู้กำกับเฟโอดอร์ บอนดาร์ชุค กับเหล่าดาราและทีมงานมาฉายหนังให้เขาดูที่บ้าน พร้อมเพื่อนทหารผ่านศึกอัฟกานิสถาน จากนั้นประธานาธิบดีรัสเซีย ผู้เคยเป็นหัวหน้าหน่วยเคจีบี ก็กล่าวขอบคุณบอนดาร์ชุคและทีมงาน ในการสร้างหนังที่ "ดีมากๆ"

"นี่เป็นหนังที่สร้างได้ใกล้เคียงชีวิต จริงมากที่สุด อย่างน้อยก็จากที่ผมเคยได้รู้ได้ยิน นี่คือเรื่องราวแห่งโศกนาฏกรรมของประเทศเรา ของประชาชนของเรา แต่คนที่ไปสู้รบที่นั่นเพื่ออุดมการณ์ของพวกเขาได้ทำหน้าที่อย่างดีที่สุด"

รัส เซียยกพลบุกอัฟกานิสถานในช่วงปี 1979-1989 สงครามทำให้คนอัฟกันตายไปนับล้าน ขณะที่รัสเซียเองก็ถูกต่อต้านจากชาวโลกและสูญเสียมหาศาลเช่นกัน จนอยากจะลืมความอัปยศในครั้งนั้น บอนดาร์ชุคจึงบอกว่า นี่คือเรื่องราวของเหล่าทหารที่ "ถูกลืม"

บอนดาร์ชุคเป็นลูกชายของ เซอร์ไก บอนดาร์ชุค ผู้กำกับ War and Peace ปูตินเปรียบเทียบว่า เขาสร้างผลงานได้ดีเท่าพ่อเลยทีเดียว "เป็นงานที่จริงจังและซีเรียสในเรื่องของผู้คนที่จำต้องไปอยู่สถานการณ์ รุนแรง".




ขอบคุณเว็บ
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=moonfleet&month=12-2007&date=20&group=1&gblog=4

เก็บตก ผู้นำปูตินแบบสบายๆ ขอบคุณ คุณรุสกี้




















ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น